สวัสดีครับ เพื่อนสมาชิก

พอดี คุณ "โมฮับบะเทน" ติดประชุมใหญ่ เลยให้ผมนำ บทความเกี่ยวกับหนังอินเดีย ตอนที่ 13 ตอนใหม่มาลงในเพื่อนๆ ได้อ่านกัน ผมอ่านแล้ว เออ ได้คิดเลย เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ ลองอ่านกันดูครับ ระยะนี้ผมอาจจะหายๆ ไป เพราะงานมีมากเหลือเกินไม่สามารถสนุกกับเพื่อนๆ ได้เหมือนเคย แต่ อีกไม่นานจะกลับมานะครับ

บทความจาก คุณ "โมฮับบะเทน"

แรงกิริยา และ แรงปฏิกิริยา ในวงการหนังอินเดียในประเทศไทย
ค้นคว้า ศึกษาและนำเสนอ โดย คุณ "โมฮับบะเทน"


สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกเว็ปไซต์หนังอินเดียคุณภาพ เว็ปไซต์ (ไทย)"โมฮับบะเทน" ทุกท่าน นานพอควรทีเดียวที่ไม่ได้

เข้ามาเขียนบทความดีๆ ให้ท่านทั้งหลายได้อ่านกัน ด้วยเหตุผลที่ว่าบทความดีๆ ไม่ได้มาจากการขยันปั่นบทความแต่มา

จากการพินิจกลั่นกรองก่อนการลงมือเขียนครับ ผมจึงต้องรอสักนิดแม้จะนานไปหน่อย หากนับเป็นวันเวลา แต่ก็ไม่นาน

เกินรอใช่ไหมครับ

ในครั้งนี้ผมขอเขียนถึงความร่วมสมัยของหนังอินเดียที่มีต่อโลกครับผม สำหรับคนที่เป็นนักท่องเที่ยว ชอบเที่ยวไป

ตามที่ต่างๆ โดยเฉพาะตามห้างใหญ่ๆ คุณจะต้องเคยได้ยินเพลง แนวปัญจาบี ที่มีจังหวะร้อนแรง มาแล้วแน่ๆ เชื่อไหม

ครับ เพลงพวกนี้ ได้เปิดในสถานที่ท่องเที่ยว ที่วัยรุ่นเที่ยวกันด้วย พวกเขาเต้นรำอย่างสนุกสนาน โดยไม่รู้ว่า ที่กำลังเต้น

ตามเพลงนั้น เพลงนั้นเป็นเพลง จากอินเดียแท้ๆ ทีเดียว

แต่มันแปลกที่ว่า เมื่อเพื่อนๆ เหล่านี้ ดูหนังอินเดีย พอเพลงขึ้นก็เลิกดู ทั้งๆ ที่ในหนังหลายเรื่อง เพลงที่มีมาให้ มันกว่า

เพลงที่เปิดข้างนอกเสียอีก ทำไมถึงเป็นแบบนี้ คำตอบก็คือ ความเชื่อครับ เพราะเขาทั้งหลายเหล่านั้นเชื่อว่า เพลงจาก

หนังอินเดีย จะไม่มีทางสนุก ต้องเป็นเพลงเก่าๆ ตลอดไป แต่ลองคิดดูครับ อุตสาหกรรมละครแนวพื้นบ้านเรา เดี๋ยวนี้

เพลงยังสนุกสนาน แล้ว มีหรือ ครับ ที่อุตสาหกรรมหนังอินเดียที่มีมูลค่า เป็น หมื่นล้าน จะตาม ละครพื้นบ้านของเราไม่

ทัน ลองเล่าเพื่อนๆ ท่าน ตามนี้รับรองว่า get ครับ แต่ฝรั่งว่า Got it!! ดังนั้นจุดขายของหนังอินเดียนอกจากจะเป็นตัวหนัง

แล้ว เพลงในหนังก็เป็นส่วนสำคัญครับ

หลายคนยังไม่รู้ว่า เพลงทางอินเดียตอนเหนือ ที่มาจากปัญจาบี ที่เรียกกันว่า ภังกรา นั้น เดี๋ยวนี้ มหาวิทยาลัยใน

อเมริกาหลายแห่ง ที่ดังระดับโลก ก็หลายที่ มีการจัดประกวดกันในระดับประเทศแล้ว เพราะว่าจังหวะเมื่อเทียบ กับ R&B

Hip Hop หรือ RAP แล้ว ภังกรา มันกว่า และกินขาด วัยรุ่นเขาฟังความมันครับ ดังนั้น ภังกรา จึงติดตลาดวัยรุ่นไปแล้ว

ในตอนนี้ เห็นว่าในยุโรป ในญี่ปุ่นก็นิยมกันมาก ไม่นานคงจะมาถึงบ้านเรา จำคำผมไว้ วันหนึ่งจะมีค่ายหนึ่งทำเพลงแนว

แด๊นส์กระจาย หรือ แบบภังกราออกขาย อย่าลืมขอบคุณผมที่แนะนำนะครับ ฮ่ะๆๆ

ล่าสุดหนังเรื่อง Inside Man ของฮอลลีวู้ดซึ่งเว็ปไซต์ของเรา นำมาเรื่องราวมาลงไปนานแล้วนั้น ก็เอาเพลง ไชยา

ไชยา จากหนังเรื่อง Dil Se มาเล่น ในตอนเริ่มเรื่อง และตอนจบ แถมเล่นจนจบเพลง ผมแอบเห็นมีคนสั่นหัวเข้าจังหวะด้วย

แบบว่ามันมาก ที่ผมเล่ามานี่ ไม่ได้ไปจำเขามานะครับ ผมไปดูเรื่อง Inside Man มาด้วย ตัวเองเลย และรู้เรื่องเพลงนี้ เป็น

กลุ่มแรกๆ มีคนเอาไปถามในเว็ป pantip.com ก็ดีใจครับ ที่สำคัญหนังเรื่อง Inside Man นี่ เป็นหนังที่สนุกมากด้วย โดย

เฉพาะ เจ้าผู้ร้าย ที่เป็นนักปรัชญาที่เห็นใจ ตำรวจจนๆ ที่ไม่มีเงินซื้อแหวนแต่งงานให้เมีย ทางฝรั่งเขาคิดบทดีใช้ได้ครับ

ตอนจบนี่ผม ยิ้มเลย ตำรวจสบาย ดูหนังเรื่องนี้แล้วเหมือนมีกลิ่นอายของหนังอินเดียเรื่องหนึ่งที่มีการปล้นธนาคารเหมือน

กันมันมาก และ สร้างได้ดีกว่า Inside Man เสียอีก ไว้จะเล่ากันอีกที หากไม่ลืมนะครับ

ในไทยนั่นกระแสหนังอินเดียมีอยู่แต่หากจะบอกว่า ไปได้แล้ว มั่นคงแล้ว ผมขอรอดูอีกหน่อย จริงครับที่มีคนจะ

เอาหนังอินเดียดีๆ เข้ามากันมากขึ้น ผมหมายถึงทุกคน ทุกค่าย แต่ว่า หากลองมองดูรายใหญ่ๆ ตอนนี้ ท่านทั้งหลายว่า มี

หนังเข้ามาถี่หรือห่างครับ แน่ละ สมัยนี้ คงเอาหนังแย่ๆ เข้ามาขายลำบากหน่อย เพราะว่า คนดูหนังอินเดีย เป็นพวกมี

ความรู้ในหนังอินเดียกันเสียแล้ว ไม่เหมือนสมัยก่อน เมื่อต้องหาหนังดีๆ มากขึ้น ก็ต้องจ่ายค่าหนังมากขึ้น ก็ต้องได้หนัง

มาช้าขึ้นหากผมมีคำถาม ว่า ปัจจุบัน รายใหญ่ๆ ที่นำเข้าหนังอินเดียมาในไทย แบบถูกกฎหมาย มีหนังอินเดียกันคนละกี่

เรื่อง ท่านตอบกันได้ไหมครับ ผมลอง ศึกษาดู เอาที่ทำขายแล้ว เฉลี่ย คน ละ 100 - 200 เรื่องเท่านั้น ขณะที่หนังอินเดีย ที่

เป็น ฮินดีมูฟวี่ มีทำออกมาปีละประมาณ 300-500 เรื่อง ไม่ร่วมหนังจากรัฐอื่นๆ ในอินเดีย หนังอินเดีย มีในไทย รอบใหม่นี้

ประมาณ ปีพ.ศ. 2545 ปีนี้ ปี พ.ศ.2549 นับได้ 4-5 ปี หากคูณ แค่ 300 เรื่องต่อปีเข้าไปก็จะมีหนัง ฮินดีมูฟวี่ ออกมา แล้ว

ประมาณ1,200 - 1,500 เรื่องในช่วง 4- 5 ปีที่บ้านเราเริ่มกลับมาดูหนังอินเดียกัน

เวลาผ่านมา 4-5 ปี แล้ว รายใหญ่ๆ ยังมีหนังอินเดียร่วมสมัย กันคนละ 100 - 200 เรื่อง คิดเป็นจำนวนเพียง 10 - 15 %

ของหนังอินเดียที่มีออกมาทั้งหมด ดังนั้นมีหนังอินเดีย ดังๆ ดีๆ อีก มากมาย ใน อีก 80 - 90 % ที่เหลือ ที่เราไม่ได้นำเข้า

มาจำหน่าย เหตุผลก็เรื่องต้นทุนนี่ล่ะ ไม่ต้องคิดมาก จึงไม่แปลกที่ต่างก็หาหนังที่เป็นดาราที่เป็นที่รู้จักเข้ามาขายกัน ซึ่งก็

ไม่พ้น ชาฮ์ รุข ข่าน(Shah Rukh Khan ) ซัลมาน ข่าน(Salman Khan ) อาเมียร์ ข่าน(Aamir Khan ) อัคเช่ย์ กุมาร(Akshay

Kumar) เป็นต้น บางค่ายก็เป็นดาราท่านอื่นๆ ผมขอบคุณทุกค่าย โดยไม่มีแบ่งว่า ค่ายนี้ เอาดาราใหญ่มา เราชอบ ไม่มีครับ

แต่ ผม ขอบคุณ ทุกคน เพราะ ค่าย ที่เอาดาราที่รองลงมาเข้ามานั้น เสี่ยงมากกว่า แต่ ได้ช่วยเปิดวิสัยทัศน์ให้กับคนไทยได้

รู้จักหนังและดาราอินเดียกันได้มากขึ้นนั่นเองครับ

ใน 4- 5 ปี ที่ผ่านมานี้ ในช่วง 3 ปีแรก จะเห็นว่า มีการสำรวจความนิยมของตลาดกันอย่างแรง โดยการนำหนังเข้า

มากันเร็วและมากเรื่อง แต่ 2 ปี ที่ผ่านมา ผมขอถามเพื่อนๆ ว่า ความถี่ในการออกหนังใหม่ มีให้ลุ้นกันทุกเดือนเหมือน

สมัยก่อนหรือไม่ เพื่อนๆ รู้คำตอบดี

ลองไปตามเว็ปต่างๆ สิครับ จะเห็นเลยว่า มีหนังเข้ามาใหม่ น้อย กว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น หากใครพูดว่าเรา

มีหนังอินเดีย จำนวน เท่านั้นเท่านี้ในมือ ต้องถามกลับไปว่า แล้ว พี่ มีไอ้หนังพวกนี้ มาตั้งแต่ปีไหนครับ เท่านั้น จะรู้เลย

เมื่อมีการชะลอตัว ในการออกหนังอินเดีย อะไรจะเป็นตัวกระตุ้น สิ่งเหล่านี้ คือสิ่งที่เว็ปไซต์ หนังอินเดียระดับ

คุณภาพ ของเรา กำลังศึกษาอยู่ เราเชื่อว่ามันจะเหมือนกับกฎของ ฟิสิกส์ ที่ว่า เมื่อ มีแรงกิริยา ย่อมต้องมีแรงปฏิกิริยา ต้าน

อยู่เสมอ ดังนั้น เมื่อมีการชะลอตัว มันต้องมี ตัวจักรบางอย่างที่กำลังทำงาน เพื่อเร่งให้วงการหนังอินเดียไม่ง่อยเปลี้ยเสีย

ขาไปง่ายๆ ผมจะศึกษาต่อไปและนำมาเฉลยให้ท่านทั้งหลายได้ทราบกันว่า ตัวเร่ง ปฏิกิริยาที่ว่านั้นคืออะไรบ้าง

พบกันใหม่ในบทความที่ 14 กับคำเฉลย ครับ

รักทุกท่าน คุณ "โมฮับบะเทน"