สวัสดีครับ เพื่อนๆ
วันนี้ นำข้อมูลดีๆ มารายงานเหมือนเคยนะครับ เป็นเรื่องของหนัง เรื่อง Chandni Chowk To China ครับ ซึ่งมีคนตั้งคำถามว่า มันออกจะคล้ายๆ กับชีวิตช่วงหนึ่งของ อัคเช่ย์ กุมาร อยู่เหมือนกัน

หนังเรื่องนี้มีพล็ิอตเรื่องว่า อัคเช่ย์ นั้น เป็นกุ๊ก ระดับล่าง ใน Chandni Chowk จากนั้น
หลังจากหนังเรื่องนี้ได้ออกฉายไปเมื่อวันอังคาร สัปดาห์นี้ ใน มุมไบ อัคเช่ย์ ได้กล่าวว่า

"ความคล้ายคลืงของตัวหนังกับตัวเขาก็คือ ตัวแสดงนำ แสดงเป็น กุ๊ก นั่นเอง"

ตรงนี้ขอเสริมหน่อยว่า อัคเช่ย์ นั้น เคยมาทำงานในประเทศไทยอยู่ระยะหนึ่งก่อนเข้าวงการ
บอลลีวู้ดครับ และ เขายังได้กล่าว ระลึก ถึงประเทศไทย ว่า เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มี
น้ำใจอีกด้วย และ เป็น ส่วนหนึ่งในการผจญภัยในชีวิตวัยหนุ่มของเขา ทีมงานอดคิดไม่ได้ว่า
ลีลาการแสดงของ อัคเช่ย์ ที่มีการนำ ศิลปะการต่อสู้ไปใช้นั้น อาจจะมีอิทธิพลมาจากโรงหนัง
ในเมือไทย ที่ตอนนั้นเต็มไปด้วยหนังจากฮ่องกง ก็เป็นได้


อย่างที่รู้ๆ กันเขาเคยครัวใน กรุงเทพฯ และสร้างตัวในบอลลีวู้ด อย่างแมนๆ โดยไม่มีการสนับสนุนจากคนดังในวงการ หรือ อยู่ในตระกูลที่มีบทบาทในวงการบอลลีวู้ด เริ่มจากการสร้างกลุ่มผู้ชมของตนเอง จนกลายมาเป็น อัคเช่ย์ กุมาร ในปัจจุบัน เขาเป็นดารา
ที่คนดูหนังอินเดียในตอนนี้ ยอมรับแล้วว่า มีรัศมี บารมี พอๆ กับ ชาฮ์ รุข ข่าน และยังมี ความ
ประพฤติเข้าร่องเข้ารอย เป็นธรรมชาติ กว่าดาราหลายๆ คนอีกด้วย

เขาเสริมว่า "คนอย่างผมและชาฮ์ รุข ข่าน ไม่มีพ่อทูลหัวในวงการบอลลีวู้ด แต่เราสร้างมันขึ้นมาจากการทำงานหนัก และ การให้พรจากพ่อแม่ของเรา และ ถ้าเราทำได้ ใครๆ ก็ทำได้เหมือนกัน"

สำหรับหนังเรื่อง Chandni Chowk อัคเช่ย์ กล่าวว่า เขาได้ร่วมแสดงกับ ท่านเซอร์ Grdon Liu
ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มนำ กังฟู เข้าสู่วงการภาพยนตร์เมื่อนานมาแล้ว

"ผมต้องการแสดงด้วยตนเองในทุกฉากดังนั้น ต้องทุ่มเทกับการฝึกกังฟู อย่างหนัก เพราะว่า การฝึกต้องการ ความวินัยที่สูงมาก และหนังเรื่องนี้ ต้องการจะ แสดงให้เห็นว่า ทุกชีวิตต้องการวินัย"

อัคเช่ย์ ยังได้ไปถ่ายทำี่กำแพงเมืองจีนอีกด้วย จากกุ๊กคนหนึ่ง ที่ต้องเดินทางไปจีน เพื่อต่อสู้่กับอะไรบางอย่างในฐานะ นักรบกลับชาติมาเกิด เขาตองเรียนกังฟู จาก ปรมาจารย์ และกลับไปลุยกับคนร้าย โดยนางเอก นางแบบ คนสวย ดีพิกา ปาดูโกน (Deepika Padukone)
จากหนังเรื่อง Om Shanti Om ร่วมแสดงนำและกำกับโดย นิขิล อัดวานี (Nikhil Advani)

เป็นอีกเรื่องที่น่าดูครับ เพราะเป็นการแสดงออกทางวัฒนธรรม ของ 2 มหาอำนาจเอเชีย ผ่านทางจอหนังอีกครั้งครับผม หลังจากหนังดัง เช่น เรื่อง The Myth ที่ฝั่งจีนเคยสร้่างมาก่อน