Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: ประวัติ หนึ่งในราชาบอลลีวู้ด อัคเช่ย์ กุมาร


คุณคือสุดยอดสมาชิก

Status: Offline
Posts: 30
Date:
ประวัติ หนึ่งในราชาบอลลีวู้ด อัคเช่ย์ กุมาร
Permalink   


ส่งตรงถึงคุณโดย เว็ปไซต์(ไทย)"โมฮับบะเทน"
http://indiamovies.konthaihappy.com

สงวนลิขสิทธิ์ห้ามนำไปเผยแพร่ทำซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต
ต้องการนำไปใช้งานติดต่อkonthaihappy@yahoo.com

อัคเช่ย์ กุมาร เกิดเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2510 และมีผลงานผ่านทางจอเงิน กว่า 90 เรื่องแล้วในปัจจุบัน ระหว่างทศวรรษที่ 90 (1990's) อัคเช่ย์ เขาได้รับการตีตราว่าเป็นพระเอกนักบู๊ แห่งบอลลีวู้ด โดยฝากผลงานไว้ในหนังแนวบูสนั่นจอ เช่น Khiladi(พ.ศ.2535) Mohra(พ.ศ.2537) และ Sabse Bada Khiladi(พ.ศ.2538) และได้อานิสงค์จากหนังที่ลงด้วยคำว่า Khiladi เรื่องต่างๆ จนมีชื่อติดตลาดหนังบอลลีวู้ดแบบฉุดไม่อยู่ นอกจากนั้นยังไม่พอ อัคเช่ย์ยังได้รับการชื่นชมจากหนังรักโรแมนติกอีกหลายเรื่อง เช่น Yeh Dillagi (พ.ศ.2537 ), Dhadkan (พ.ศ.2543) เป็นต้น และหนังแนวนิยายซึ้งอย่าง Ek Rishtaa (พ.ศ.2544)3991875055.jpg

ในปี พ.ศ.2545 เขาได้รับรางวัลฟิล์มแฟร์อวอร์ด ในบทบาทตัวร้ายยอดเยี่ยม จากหนังเรื่อง Ajnabee(พ.ศ.2544),และเพื่อลดภาพเดิมๆจากการเป็นพระเอกมาดเข้มจากหนังจำนวนมากที่เขาแสดง กอรปกับบอลลีวู้ดเริ่มลดการสร้างหนังแนวบู๊ อัคเช่ย์เริ่มรับบทในหนังแนวตลก ฮาขำกลิ้งมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังเรื่อง Hera Pheri (พ.ศ.2543), Mujhse Shaadi Karogi (พ.ศ.2547),Garam Masala (พ.ศ.2548) และ Jaan-E-Mann (พ.ศ.2549) ต่างก็เป็นหนังยอดนิยม ที่แฟนบอลลีวู้ดชมชอบ จากนั้นเขาก็ยิ่งดังมากขึ้นไปอีกในปี พ.ศ. 2550 เมื่อเขาแสดงหนังที่ดังติดกัน 4 เรื่อง ช่วงนี้แฟนในเมืองไทยเองก็เริ่มสังเกตุว่า พระเอกที่หลายคนรู้จัก จากหนัง อะจานะบี ซึ่งเป็น 1 ใน หนัง 2 เรื่องแรกที่ EVS นำเข้ามาช่วง 45-46 นั้น เริ่มกลายเป็นพระเอกยอดนิยมตัวจริงไปเสียแล้ว และ ปัจจุบัน ทางเว็ปไซต์ (ไทย)"โมฮับบะเทน" ถือว่า ในอินเดียตอนนี้มีกลุ่มพระเอกดังที่เรียกกันว่า 4 ข่าน กับ 1 กุมาร กุมารนั้นก็คือ อัคเช่ย์ นี่เอง ส่วน 4 ข่าน ก็คือ ชาฮ์ รุคฮ์ ข่าน,ซัลมาน ข่าน,อาเมียร์ ข่าน และ เซฟ อาลี ข่าน เซฟ อาลี ข่าน เราเพิ่งจัดเข้ามาในกลุ่ม คิงส์ ข่าน จากผลงาน ในระดับต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศในรอบ 5 ปีนี้ที่โดดเด่นและติดตลาด นับจากนั้นมา อุคเช่ย์ ก็กลายเป็นพระเอกกระแสหลักคนหนึ่งของบอลลีวู้ดมาถึงวันนี้

ส่งตรงถึงคุณโดย เว็ปไซต์(ไทย)"โมฮับบะเทน"
http://indiamovies.konthaihappy.com


ในปี พ.ศ.2551 เขาได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิติมศักดิ์ด้านกฎหมาย จาก University of Windsor ประเทศแคนาดา จากคุณูปการที่เขาได้สร้างให้กับวงการหนังบอลลีวู้ด และในปีถัดมายังได้รับรางวัล Padma Shri จากรัฐบาลอินเดียอีกด้วย
อัคเช่ย์ กุมาร เกิดที่เมืองอัมริตสาร์ รัฐปัฐจาบแน่นอน เขาคือคน ปัญจาบี พ่อของเขาทำงานเป็นข้าราชการ ตั้งแต่เด็กๆ ทุกคนเรียกเขาว่านักแสดง และนักเต้น จากนั้นก็ย้ายมาที่ มุมไบ เขาอาศัยอยู่ย่าน โกลิวาดา ซึ่งเป็นย่านที่มีคนปัญจาบีอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เขาเรียนที่โรงเรียน Don Bosco School และKhalsa College ในระดับอุดมศึกษานี้เขาให้ความสนใจกับการเล่นกีฬาเป็นอย่างมาก อัคเช่ย์ กุมารยังมาเรียนศิลปะป้องกันตัวที่กรุงเทพฯอีกด้วย และพร้อมๆกับการเป็นเชฟในกรุงเทพ จากนั้นก็เดินทางกลับมุมไบ และเริ่มสอนศิลปะป้องกันตัว เขาได้เข้าวงการการแสดงเมื่อลูกศิษย์คนหนึ่งเป็นช่างภาพและชวนให้เขาเข้าวงการโดยการถ่ายแบบ โดยงานแรกเป็นการถ่ายแบบให้กับบริษัทเล็กๆ จากการโพสต์ท่าถ่ายรูป 2 ชั่วโมงเขาได้เงินค่าจ้าง ราวๆ 5000 รูปีเทียบกับเงินเดือนที่เขาได้ก่อนหน้า ที่เดือนละ 4000 รูปี และนี่คือหนึ่งในเหตุผลที่เขาเลือกอาชีพเป็นนายแบบ หลังจากถ่ายแบบได้ 2 เดือน เขาก็ได้รับการทาบทามเป็นนักแสดงในบทนำในหนังของผู้สร้าง ปราโมด จักราวาตี ในหนังเรื่อง Deedar




อัคเช่ย์ กุมาร แสดงหนังเรื่องแรกจริงๆ ในปี พ.ศ. 2534 ในหนัง Saugandh แต่ไม่เป็นที่สังเกตุ โดยหนังที่ประสบความสำเร็จเรื่องแรกคือหนังเรื่อง Khiladi ซึ่งออกฉายในปี พ.ศ.2535 และจากนั้น ในปี ถัดมา หนังส่วนมากจะไม่เป็นที่นิยม อย่างไรก็ตาม อีกปีจากนั้น เขาได้พิสูจน์ว่าเป็นปีที่ดีของเขา เมื่อ หนังเรื่อง Main Khiladi Tu Anari และ Mohra กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มหนังทำเงินแห่งปี ปีถัดมา
ปีหลังจากนั้น ยาส โจปรา ได้เซ็นสัญญาให้อัคเช่ย์ แสดงในหนังของเขา คือ Yeh Dillagi และหนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จ ผู้ชมส่วนมากชื่นชมในหนังเรื่องนี้ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถแสดงหนังโรแมนติกได้ดีพอๆ กับหนังบู๊ และเริ่มได้รับการเสนอชื่อ ชิงรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง ในระยะนี้เขายังได้รับความสำเร็จจากหนังเรื่องอื่นอีกด้วยเช่น
Elaan, Suhaag ซึ่งทำให้เขากลายเป็นดาราหนึ่งในผู้ประสบความสำเร็จที่สุดแห่งปี

ในปี พ.ศ. 2548 จากการที่เริ่มมีหนังไม่ค่อยฮิตติดตามกันมาหลายเรื่อง เขาได้แสดงหนังอีกครั้งในชุด Sabse Bada Khiladi ซึ่งในที่สุดกลายเป็นหนังฮิตแห่งปี จากนั้นในปีต่อมายังได้รับความสำเร็จจากหนังตระกูล Khiladi อีกเรื่อง เป็นเรื่องที่ 4 คือ Khiladiyon Ka Khiladi โดยแสดงประกบกับ เรขา และ ราวีณา แทนดอน หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังฮิตทำเงินแห่งปี
ปี พ.ศ. 2540 อัคเช่ย์ กุมาร รับบทรอง ในหนัง ของยาส โจปรา และเป็นหนังดังเสียด้วย คือ Dil To Pagal Hai ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยม จากงาน FilmFare Award ในปีเดียวกัน ก็ลองแสดงในหนังตลกที่เป็นตระกูล Khiladi เรื่อง Mr and Mrs Khiladi แต่หนังไม่ประสบความสำเร็จ เหมือนเรื่องอื่นๆ และหนังในตระกูลนี้ต่อมาของเขาก็ล้มเหลวทั้งหมด

ในปีพ.ศ. 2543 เริ่มแสดงในหนังตลกเรื่อง Hera Pheri ซึ่งได้รับทั้งคำชมจากนักวิจารณ์และได้เงิน ทำให้เขากลายเป็นเครื่องหมายการค้าของดาราชาย ที่สามารถแสดงหนังได้ทั้งแนว บู๊ แนวรักโรแมนติก และ แนวตลก ได้ดีทั้ง 3 แนว ในปีเดียวกันนี้เขายังได้แสดงในหนังแนวรักโรแมนติก เรื่อง Dhadkan ซึ่งทำรายได้ดีในปีนั้น ในปีถัดมา เขารับแสดงในบทร้าย ในหนัง Ajnabee หนังเรื่องนี้ทำให้เขาได้รับ บทร้ายยอดเยี่ยมแห่งปี จาก Filmfare Award และได้รับการวิจารณ์อย่างดี จากบทคนตาบอด ในหนังเรื่อง Aankhen ที่คนตาบอดหลายคนรวมหัวกับนายธนาคารปล้นธนาคาร
ซึ่งเป็นหนังทำเงินแห่งปี หนังเรื่องนี้เหมือนเคยเห็นหนังฝรั่งเอาแนวการสร้างไปสร้างเป็นหนังฮอลลีวู้ดอีกด้วย
จาขาก็แสดงในหนังตลกอีกหลายเรื่อง เช่น Awara Paagal Deewana, Mujhse Shaati Karoge, Garam Masala, และมีผลงานชั้นยอดในหนังอีกหลายเรื่อง เช่นEk Rishtaa, Aankhen (2002),Bewafaa (2005),Waqt: The Race Against Time

ทั้งหมดเป็นประวัติคร่าวๆ ของอัคเช่ย์ กุมาร ที่เราพอจะทราบได้โดยสังเขป เราเชื่อว่า อัคเช่ย์ กุมาร คือหนึ่งในเคมีที่ขาดไม่ได้ของวงการบอลลีวู้ด ในอนาคตคงจะยากที่จะคิดว่า หากไม่มีอัคเช่ย์ กุมารในบอลลีวู้ด รสชาติของบอลลีวู้ดจะลดลงไปมากขนาดไหนอัคเช่ย์ กุมารนั้น นับวันจะมีอิทธิพลต่อวงการหนังอินเดียมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าเขาแทบจะเป็นพระเอกเพียงคนเดียว ที่มีผลงานการแสดง ในหนังตลกมากมายที่สุดในยุคนี้ และเขายังพร้อมที่จะแสดง หนังแนวบู๊ ที่ถนัดอยู่แล้ว และหนังแนวรักโรแมนติกได้เป็นอย่างดีอีกด้วยเพราะด้วยหน้าตา และรูปร่างนั้น เขาก็เป็นหนึ่งไม่เป็นรองใครในบัลลังค์บอลลีวู้ด เราเชื่อว่า เขาจะเป็นหนึ่งในราชาบอลลีวู้ดที่เทียบชั้นได้กับชาฮ์ รุคฮ์ ข่าน และดาราชั้นสุดยอดคนอื่นๆ ซึ่งนี่เป็นเรื่องดีต่อบอลลีวู้ด ที่จะมีตัวตายตัวแทน ทดแทนกันได้เสมอ บอลลีวู้ดวันนี้จึงถือว่า มั่นคง แข็งแรง และ แกร่งพอที่จะเทียบชั้นได้กับฮอลลีวู้ด อย่างทัดเทียมกัน ไม่ว่าจะในวันนี้หรือในอนาคตที่ไกลแสนไกล

พบกันใหม่ ในประวัติดาราคนต่อไปกับเรา สวัสดีครับ

ส่งตรงถึงคุณโดย เว็ปไซต์(ไทย)"โมฮับบะเทน"
http://indiamovies.konthaihappy.com



-- Edited by adminok on Thursday 4th of March 2010 06:53:11 PM

-- Edited by adminok on Thursday 4th of March 2010 07:01:50 PM

-- Edited by adminok on Thursday 4th of March 2010 07:07:35 PM

-- Edited by adminok on Thursday 4th of March 2010 07:14:52 PM

__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.

Tweet this page Post to Digg Post to Del.icio.us


Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard